โลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคที่การยืนยันความเป็นมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหมายเลขบัตรประชาชนหรือรหัสผ่านอีกต่อไป หากแต่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีที่ลึกซึ้งและล้ำสมัยอย่าง Blockchain และ AI อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในโครงการที่กล้าท้าทายแนวคิดดั้งเดิมเหล่านี้คือ Worldcoin — ระบบที่มีเป้าหมายสร้างความเป็นธรรมในการยืนยันตัวตนของมนุษย์ทั่วโลกผ่านการใช้ชีวมาตรและแจกจ่ายโทเคนดิจิทัลเพื่อสร้างแรงจูงใจในการมีตัวตนในโลกออนไลน์อย่างแท้จริง
Worldcoin เป็นโปรเจกต์ที่ก่อตั้งโดย Sam Altman (CEO ของ OpenAI) ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการสร้างระบบพิสูจน์ตัวตนที่เชื่อถือได้ผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Orb เครื่องสแกนม่านตาที่ใช้ข้อมูลชีวมาตรในการสร้างรหัสดิจิทัลเฉพาะบุคคล หรือที่เรียกว่า Iris Code และเชื่อมโยงกับบัญชี World ID ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในระบบ ในระดับเทคโนโลยี Worldcoin พยายามนำ บทความ Blockchain ที่เป็นพื้นฐานด้านความปลอดภัยและการกระจายอำนาจมาใช้ควบคู่กับ การวิเคราะห์ AI เพื่อประมวลผลชีวมาตรและสร้างรหัสที่ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นภาพต้นฉบับได้ นั่นหมายความว่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานยังคงได้รับการคุ้มครอง แม้จะมีการใช้ข้อมูลชีวมาตรระดับสูงก็ตาม
Blockchain ในโครงการ Worldcoin ไม่ได้มีหน้าที่แค่เก็บข้อมูล แต่ยังเป็นเครื่องมือในการกระจายอำนาจของการยืนยันตัวตน โดยไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ระบบ World ID ที่เชื่อมโยงกับ WLD Token จะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใดหรือมีรายได้เท่าใดก็ตาม บทความวิเคราะห์ Worldcoin ต้องกล่าวถึงจุดนี้อย่างละเอียด เพราะถือเป็นการใช้งาน Blockchain ในรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่การโอนเงินหรือเก็บทรัพย์สินดิจิทัล แต่เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของ “ตัวตน” ในโลกดิจิทัล ที่สามารถตรวจสอบได้และกระจายศูนย์กลางอย่างแท้จริง
ด้าน AI ระบบที่ขับเคลื่อนเบื้องหลัง Orb คือการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อวิเคราะห์ม่านตาของผู้ใช้งาน และแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็นรหัสดิจิทัลที่ไม่มีใครสามารถแปลย้อนกลับได้ อีกทั้ง AI ยังมีบทบาทในการป้องกันการแอบอ้างตัวตน หรือการสมัครหลายบัญชีด้วยชีวมาตรซ้ำกัน การ วิเคราะห์ AI ในบริบทนี้จะต้องตั้งคำถามสำคัญหลายประการ เช่น AI เหล่านี้สามารถลำเอียงหรือไม่? ข้อมูลชีวมาตรถูกจัดเก็บไว้อย่างไร? ใครควรเป็นเจ้าของข้อมูลชีวมาตรเหล่านี้? เพราะหากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม เทคโนโลยีอาจกลายเป็นเครื่องมือในการสอดส่องหรือควบคุมแทนที่จะปลดปล่อยเสรีภาพ
หนึ่งในแนวคิดหลักของ Worldcoin คือการทำให้คนทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการยืนยันตัวตนที่เท่าเทียม ไม่จำกัดเพียงผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเอกสารราชการ การกระจาย Orb ไปยังประเทศที่มีรายได้ต่ำ หรือกลุ่มประชากรที่เข้าไม่ถึงบริการดิจิทัล คือส่วนหนึ่งของแผนงานนี้ อย่างไรก็ตาม บทความวิเคราะห์ Worldcoin ไม่สามารถมองข้ามข้อกังขาทางจริยธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงจูงใจในการให้คนยินยอมแลกม่านตากับเหรียญ หรือการควบคุมของข้อมูลที่อาจถูกรวบรวมไว้ในระบบเดียว ซึ่งย้อนแย้งกับแนวคิดการกระจายอำนาจของ Blockchain
หลายประเทศในยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเริ่มตั้งคำถามต่อการทำงานของ Worldcoin โดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บข้อมูลชีวมาตร แม้บริษัทจะอ้างว่ามีการเข้ารหัสและลบภาพหลังแปลงเป็นรหัสแล้ว แต่หลายฝ่ายยังคงกังวลถึงความปลอดภัยในระยะยาว ความไม่แน่นอนทางกฎหมายในแต่ละประเทศอาจส่งผลต่อการขยายตัวของ Worldcoin ซึ่งในบางกรณีมีการสั่งระงับการใช้งานชั่วคราว หรือเรียกสอบสวนข้อมูลภายใน นี่คือจุดสำคัญที่ บทความ Blockchain ต้องพูดถึงในเชิงลึก เพราะกฎหมายอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการยับยั้งหรือกำหนดทิศทางของเทคโนโลยีนี้ในอนาคต
บทความวิเคราะห์ Worldcoin นี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนที่เกิดจากการรวมเอาเทคโนโลยีระดับสูงอย่าง Blockchain และ AI เข้ากับระบบชีวมาตรเพื่อสร้างแนวคิดใหม่ในการยืนยันตัวตน แม้แนวคิดจะน่าทึ่งและมีศักยภาพในการสร้างระบบที่เท่าเทียมและปลอดภัย แต่ในทางปฏิบัติ ยังมีคำถามที่ต้องการคำตอบเกี่ยวกับการควบคุมข้อมูล, จริยธรรมของการใช้งาน, และความเสี่ยงจากการรวมศูนย์ในระบบที่อ้างว่าเป็นแบบกระจาย